วินาศภัยบรรเทาได้ ด้วยการประกันภัย

ข่าวสารและกิจกรรม

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ดูงานการผลิตข้าวอินทรีย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายกี่เดช อนันต์ศิริประภา ผู้อำนวยการบริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมติดตามคณะของนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศึกษาดูงานการผลิตข้าวอินทรีย์ และการวางระบบเทคโนโลยีเครื่องอบข้าว พร้อมชมการนำเสนอระบบลดความชื้นข้าวเปลือกด้วยลมแห้งเพื่อลดต้นทุนการผลิต ตามโครงการยกระดับความสามารถในการผลิตข้าวอินทรีย์ด้วยระบบลดความชื้นข้าวเปลือกขนาดเล็ก เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการลดความชื้นข้าวเปลือกหลังการเก็บเกี่ยว และลดความเสียหายของข้าวจากการตากแดด เพื่อเพิ่มยอดผลผลิตข้าวอินทรีย์ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพให้สูงขึ้น โดยมีผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 13 และ 14 พร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสุรินทร์ ร่วมการศึกษาดูงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 ณ สหกรณ์เกษตรอินทรีย์ทัพไทย จังหวัดสุรินทร์

อนึ่ง สหกรณ์เกษตรอินทรีย์ทัพไทย จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 59 หมู่ที่ 10 ตำบลทมอ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวกันของเกษตรกรบ้านทัพไทย ด้วยแนวคิดของกลุ่ม คือ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบทำการเกษตรจากเดิม แบบเกษตรเคมีมาทำเกษตรอินทรีย์ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2557 มีจำนวนสมาชิกรวมทั้งหมด 263 ราย มีพื้นที่การเพาะปลูกของสมาชิก 4,000 ไร่ และสมาชิกเครือข่าย 1,000 ไร่ รวมผลผลิตทั้งหมด 900 ตัน/ปี สหกรณ์ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาการผลิตและส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าวในระบบอินทรีย์ จนได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม หรือ PGS (Participatory Guarantee System) มาตรฐาน Organic Thailand มาตรฐานการรับรองระบบเกษตรอินทรีย์สหภาพยุโรป หรือ EU มาตรฐานการรับรองเกษตรอินทรีย์จาก IFOAM (International Federation of Organic Agriculture Movements) แต่ปัจจุบันสหกรณ์ฯ ประสบกับปัญหาเรื่องราคาข้าวที่โรงสีรับซื้อข้าวอินทรีย์ในราคาเท่ากับข้าวทั่วไป เนื่องจากเครื่องอบข้าวเปลือกในโรงสีมีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สามารถแยกข้าวเปลือกอินทรีย์ออกจากข้าวเคมีได้เพราะมีปริมาณน้อยเกินไป ดังนั้นเกษตรกรจึงต้องใช้วิธีการตากแดด เพื่อรักษามาตรฐานความเป็นข้าวอินทรีย์ ซึ่งมีความยากลำบากในการตากข้าวให้แห้งภายในเวลาจำกัด เพื่อไม่ให้ข้าวเน่าเสีย รวมถึงผลกระทบจากการตากแดดทำให้ข้าวแตกหักเสียหายเป็นปริมาณมาก ทำให้ข้าวอินทรีย์ที่สามารถวางจำหน่ายได้มีปริมาณน้อย