วินาศภัยบรรเทาได้ ด้วยการประกันภัย

ข่าวสารและกิจกรรม

ค่ายประกันเปิดเกมเกทับพลิกตำรา‘เคลมเคอร์ฟิว’

03 มิถุนายน 2557 ทั่วไป

           เอ็ฟเฟกต์จากการประกาศเคอร์ฟิวทำให้ประกันภัยรถยนต์ฮอต! ขึ้นมาทันควันทั้งการถูกตั้งคำถามในแง่ของความคุ้มครองของบริษัทประกันภัยหลังจากมีข่าวในสื่อออนไลน์แพร่ออกไปว่า รถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุในช่วงเวลาเคอร์ฟิว บริษัทประกันภัยจะไม่รับผิดชอบ เพราะเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช. ส่วนรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุในช่วงเคอร์ฟิวอาจจะมีปัญหาตามมาในการเคลม เพราะเจ้าหน้าที่สินไหมรถยนต์(เซอร์เวเยอร์) ไม่สามารถออกไปทำเคลมได้ โดยบริษัทประกันหลายแห่งขยับปรับบริการกันอุตลุด

          + แนะลูกค้าทำเคลมเอง

          + “สมาร์ทโฟนเคลม” ฮอต!

          ประเด็นการเคลม “อานนท์ วังวสุ” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัยในฐานะนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า แนวทางปฏิบัติในช่วงเคอร์ฟิวคือ เมื่อรถยนต์เกิดอุบัติเหตุหากมีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่สามารถถ่ายรูปได้ก็ถ่ายรูปเหตุการณ์และรถยนต์ที่เกิดเหตุไว้หรือถ้าไม่มีให้ทำข้อตกลงกับคู่กรณีใครเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายถูกพร้อมทำบันทึกรายงานความเสียหายแนบไว้เพื่อแจ้งเคลมบริษัทประกันภัยในวันรุ่งขึ้น โดยบริษัทประกันภัยคงไม่ปฏิเสธที่จะชดเชยความเสียหายอยู่แล้ว

          “เดี๋ยวนี้หลายบริษัทมีการทำเคลมรถยนต์ผ่านโทรศัพท์มือถืออย่างของกรุงเทพฯ ก็มีสมาร์ท เคลม ให้ลูกค้าทำเคลมผ่านโทรศัพท์มือถือแล้วส่งข้อมูลและรูปภาพความเสียหายของรถผ่านทางไลน์หรืออีเมลของบริษัท”

          + เผยสถิติหลังเที่ยงคืนชนสนั่น

          + ยืนยันคุ้มครองเคอร์ฟิว

          ส่วนข้อกังขาเรื่องกรมธรรม์คุ้มครองหรือไม่ นายกสมาคมฯยืนยันว่า ไม่มีเงื่อนไขข้อยกเว้นใดๆ ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่จะยกเว้นความรับผิดในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเคอร์ฟิวหรือในช่วงการประกาศกฎอัยการศึก ฉะนั้นแม้จะเกิดอุบัติเหตุในช่วงเวลาเคอร์ฟิว กรมธรรม์ประกันภัยจะยังคงให้ความคุ้มครองตามปกติทั้งความเสียหายของรถยนต์คันที่เอาประกันและความเสียหายต่อบุคคลภายนอก

          กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จะไม่ให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีความเสียหายที่เกิดจากสงครามการเมือง การเกิดความวุ่นวายจนถึงขั้นเกิดการจลาจลเพื่อต่อต้านรัฐบาลอย่างกว้างขวางหรือการนำรถยนต์ไปใช้กระทำความผิดตามกฎหมาย เช่น ใช้ในการปล้นทรัพย์ ขนยาเสพติด หรือจงใจนำไป เป็นพาหนะในการก่อความวุ่นวาย การลอบทำร้าย เจ้าหน้าที่หรือประชาชนเท่านั้น

          สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่นๆ เช่น การประกันอัคคีภัย การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เงื่อน ไขข้อยกเว้นความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกับการประกันภัยรถยนต์

          ขณะที่ “ประเวช องอาจสิทธิกุล” เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ย้ำว่า รถยนต์ที่เกิด อุบัติเหตุในช่วงเคอร์ฟิวจะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย ยกเว้นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาจากการ จงใจหรือเจตนาฝ่าฝืนประกาศเคอร์ฟิว หรือไปร่วมทำผิดกฎหมาย เช่น ร่วมชุมนุมหรือเพื่อไปทำการก่อการร้าย เป็นต้น

          “กี่เดช อนันต์ศิริประภา” ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันภัย ไทย ให้ความเห็นว่า ในฐานะที่เคยบริหารบริษัทประกันภัยมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ที่ทำประกันมักจะเกิดในช่วงหลังเที่ยงคืนเยอะ อัตราการเกิดอุบัติเหตุไม่มากแค่ประมาณ 3-5% แต่ความเสียหายแต่ละครั้งรุนแรง เพราะเป็นช่วงถนนโล่งทำความเร็วเต็มที่ ส่วนหนึ่งอาจจะดื่มแอลกอฮอล์มาด้วย เพราะเพิ่งกลับจากการเที่ยวกลางคืน อีกทั้งช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่รถขนส่งสินค้าวิ่งเยอะ ซึ่งการประกาศเคอร์ฟิวอาจจะกระทบกับการออกไปทำเคลมรถยนต์

          + ค่ายใหญ่พร้อม/หลายค่ายปรับเกม

          + พึ่งมือถือ-ให้โอทีพนง.เคลม

          ด้านบมจ.วิริยะประกันภัย ค่ายประกันภัยรถยนต์อันดับหนึ่งมีส่วนแบ่งตลาดถึง 25% “นที ไชยกาล” ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทน กล่าวกับ “สยามธุรกิจ” ว่า การประกาศเคอร์ฟิวอาจจะกระทบต่อการส่งพนักงานออกไปทำเคลมให้กับลูกค้า แต่สำหรับบริษัทไม่กระทบยังคงให้บริการปกติตลอด 24 ชม. เพราะมีประกาศอยู่ฉบับหนึ่งที่มีข้อยกเว้นให้กับกลุ่มคน บางอาชีพที่ทำงานเป็นช่วงเวลาหรือ เข้างานเป็นกะ ดังนั้นหากรถยนต์ของลูกค้าเกิดอุบัติเหตุ พนักงานเคลมของบริษัทสามารถออกไปทำ เคลมได้ อีกทั้งเป็นการไปทำเพื่อสังคม ไม่ใช่มีเจตนาร้ายหรือไป ชุมนุม โดยปัจจุบันบริษัทมีพนักงาน เคลมทั่วประเทศ 1,200 คน เฉพาะในกรุงเทพฯประมาณ 600 คน

          “ในช่วงเคอร์ฟิวเราไปถึงที่เกิดเหตุเร็วกว่าปกติด้วยซ้ำ ในกรุงเทพฯเรากำหนด KPI ถึงที่เกิดเหตุภายใน 20 นาที พนักงานของเราไป ถึงภายใน 10-15 นาที ที่เราให้บริการ ได้ 24 ชม. เพราะเรามีสาขาเยอะ มีคนประจำทุกจุดเราใช้เทคโนโลยีการเคลมเอากูเกิล แม็ป มาหาสัญญาณจุดเกิดเหตุจับจากสัญญาณโทรศัพท์ลูกค้ารู้ว่าอยู่ตรงจุดไหนทำให้เร็วขึ้น และไม่ว่าลูกค้าจะเกิดอุบัติเหตุก่อนหรือหลังเคอร์ฟิวยังคงได้รับความคุ้มครองเพราะตามเงื่อนไขการรับประกันจะยกเว้นการจ่ายสินไหมเมื่อเกิดสงครามกลางเมืองหรือเกิดจลาจลขึ้นเท่านั้นซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น”

          ด้านบมจ.สินมั่นคงประกันภัย “เรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์” ประธานกรรมการบริหาร กรรมการผู้อำนวยการ กล่าวกับ “สยามธุรกิจ” ว่า ในเคอร์ฟิว บริษัทให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขในกรมธรรม์อยู่แล้ว ขณะที่การทำเคลมในช่วงเคอร์ฟิวซึ่งพนักงานออกไปทำเคลมไม่ได้ บริษัทปรับการให้บริการใช้สมาร์ทแอพพลิเคชั่นมาช่วยในการทำเคลมโดยผู้เอาประกันสามารถทำเคลมด้วยตนเองโดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่หรือถ้าตกลงกันได้ให้แลกใบเหลืองเพื่อนำมาเคลมกับบริษัทภายหลัง

          ฝั่งบมจ.แอกซ่าประกันภัย “สมเจต ขุนศรีอุเชนทร์” ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าสายงานสินไหมทดแทนกล่าวกับ “สยามธุรกิจ” ว่า บริษัทยังส่งพนักงานออกไปทำเคลมรถยนต์ได้เหมือนปกติเพราะมีศูนย์แอกซ่าฮอตไลน์ซึ่งจะมีพนัก งานคอยรับแจ้งเคลมตลอดเวลาและมีเจ้าหน้าที่เคลมประจำตลอด ซึ่งในช่วงกลางคืนโดยเฉพาะหลังเที่ยงคืนจะเป็นช่วงที่การเกิดอุบัติ-เหตุรถยนต์มีความรุนแรงมากกว่าช่วงอื่นจึงต้องพร้อมตลอดเวลาโดยมีรถยกไว้บริการกรณีเสียหายหนัก ด้วย ซึ่งในช่วงเคอร์ฟิวบริษัทได้เพิ่มค่าล่วงเวลาในการทำงานหรือโอทีให้พนักงาน

          โดยในกรุงเทพฯ บริษัทมีเจ้าหน้าที่เคลมทั้งหมด 15 คนประจำอยู่ 5 โซน โซนละ 3 คน รับประกันการไป ถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที ส่วนต่าง จังหวัดมี 35 คนหากเป็นในตัวเมืองรับประกันถึงที่เกิดเหตุ 30 นาที ส่วนนอกเมืองไม่ได้การันตี

          อย่างไรก็ดี “สยามธุรกิจ” ตรวจ สอบพบว่า มีบริษัทประกันภัยบางแห่งแจ้งไปยังลูกค้าถึงการทำเคลมประกันรถยนต์ในช่วงเคอร์ฟิว อาทิ บริษัท เอไอจีประกันภัย (ประเทศไทย) มีคำแนะนำว่า หากเป็นประเภท 1 และ คู่กรณีเป็นประเภท 1 เช่นกันตกลงกันได้หากมีใบ Knock for Knock ให้นำมาแลกกัน ถ้าไม่มีให้ถ่ายรูปรถที่เกิดเหตุรวมถึงรอรายละเอียดของคู่กรณีไว้โดยบริษัทจะประสานไปทำเคลมในวันรุ่งขึ้น เป็นต้น

 

ที่มา : http://www.siamturakij.com/ อังคารที่ 3 มิถุนายน 2557